วันพุธ
เป็นวันหนึ่งใน 1 สัปดาห์ หากเริ่มนับวันแรก คือ วันอาทิตย์ และสุดท้ายคือ วันเสาร์ วันพุธ ก็อยู่ตรงกลางสัปดาห์พอดี นี่เป็นเรื่องราวของวันพุธ ที่ไม่ใช่ วรรณพุทธ์ ครับ
ความเชื่อเดิมของไทยเรานั้น เชื่อกันว่า หากตัดผม “วันพุธ” จะเกิดเรื่องไม่ดีเรื่องร้ายหรือเจ็บไข้ได้ป่วย ซึ่งให้ผลมาสู่ปัจจุบันที่เราเห็นร้านตัดผมส่วนใหญ่มักจะปิดร้านกัน “วันพุธ” ถามว่าความเชื่อนี้เกิดจากอะไร?? เคยคิดกันไหม?? หรือเพียงแต่ว่าเชื่อตามๆ กันไป เรื่องความเชื่อของคนเราจาก “กาลามสูตร” หรือ หลักความเชื่อ ๑๐ ประการบทความที่คุณ intellect ได้หยิบธรรมมะมาไว้ให้อ่านกัน เพื่อได้พิจารณาด้วยตนเอง ไม่หลงเชื่อง่ายๆ หรือตามๆ กันไป ดังนั้น หากจะลองพิจารณาเรื่อง การตัดผมในวันพุธ ด้วยตัวของผมเองแล้ว ก็จะพบว่า เดิมคนไทยเรา เชื่อว่า วันพุธ เป็นวันที่ร้อนมากที่สุดใน 1 สัปดาห์เพราะอยู่ตรงกลางสัปดาห์พอดี การตัดผมในวันนี้จึงทำให้ ผมสั้นลง เมื่อสั้นลง ความร้อนจากดวงอาทิตย์ก็จะส่งผลต่อหนังศีรษะ ทำให้เราเจ็บป่วยหรือไม่สบายได้ง่าย
หากเราไม่มีความรู้เรื่องวิทยาศาสตร์หรือการโคจรของดวงดาวเลย เราก็คิดเองได้ว่า ๑. เราสมมติให้เริ่มนับวันแรกของสัปดาห์เป็น วันจันทร์ และสุดท้ายก็คือ วันอาทิตย์ ดังนั้น วันที่อยู่ตรงกลางพอดี คือ วันพฤหัสบดี ซึ่งไม่ใช่ วันพุธ หากเชื่อว่า วันที่อยู่กลางสัปดาห์เป็นวันที่ร้อนที่สุด ดังนั้น “วันพุธ” จึงไม่ใช่วันที่ร้อนที่สุด เราก็สามารถตัดผมได้ในวันพุธ แต่เราก็ไม่สามารถตัดผมวันพฤหัสบดี ได้เช่นกัน
ที่นี้ลองพิจารณาใหม่ ๒.สมมติการเริ่มนับยังเหมือนเดิม คือ เริ่มที่วันอาทิตย์ และให้วันพุธอยู่กลางสัปดาห์ซึ่งเชื่อว่าเป็นวันที่ร้อนที่สุด และมีเหตุพอดีให้วันพุธนี้เกิด ฝนห่า พายุเข้า (เสาร์แทรก อันนี้แทรกจริงๆ ครับ) เพียงวันเดียว ส่วนวันอื่นๆ แดดออก นกกระจอกเข้ารัง วันพุธ ยังเป็นวันที่ร้อนที่สุดอีกไหมครับ
ลองใหม่อีกครับ ๓.สมมติว่า วันพุธเป็นวันที่ร้อนที่สุดจริง หากตัดผมให้สั้นลงแล้วจะทำให้เกิดป่วยไข้ จากความร้อนที่มากกว่าวันอื่นที่ส่องตรงลงมายังศีรษะของเรา แต่หากว่า เราตัดผมในบ้านแล้วไม่ออกไปไหนเลยในวันพุธล่ะครับ เราจะได้รับความร้อนจากดวงอาทิตย์หรือเปล่า? และหากออกไปนอกบ้านแล้วเอาผ้าโพกหัวล่ะ จะเป็นยังไง? ส่วนวันอื่นๆ เราทำงานนอกบ้านและไม่โพกหัว เราจะเป็นยังไง? ยังมีอีกหลายสมมติที่เราจะยกขึ้นมาครับ..
นอกจากตัดผมวันพุธแล้ว ยังมี วันพุธกลางวัน-กลางคืนอีกมากมาย ดังนั้น ไม่ว่า ความเชื่อเรื่อง ผีสาง, พระใบ้หวย, การสักยันต์ ตะกรุด พระเครื่อง, จิ้งจก นกแสก, พิธีตัดกรรม สะเดาะเคราะห์ต่างๆ ฯลฯ หรือเรื่องอะไรก็ตาม ล้วนมีที่มา ที่เกิดจากอุบายหรือกุศโลบายของคนเพื่อใช้ให้เกิดผลตามเจตนาของเรื่องนั้นๆ หากเราพิจารณาให้ดีและเข้าใจเจตนาแล้ว เราก็ไม่ต้องเชื่อเลยก็ได้ เพราะ ทุกอย่างล้วนเป็นเรื่องของปัจจัยที่ประกอบกันขึ้น แต่ทั้งนี้ เราก็สามารถทำไปได้ตามเจตนาของเดิมที่ดีที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเชื่อเหล่านี้
ขอย้ำอีกครั้งว่า อย่าลืม เจตนาเดิมที่ดี ที่ซ่อนอยู่เบื้องหลังความเชื่อ ซึ่งหากเราเข้าใจเจตนาดีแล้ว เราก็จะไม่เป็นคนที่เขาพูดว่า “เชื่ออย่างงมงาย”